Author name: admin

การโฆษณาที่มุ่งเป้าผู้สูงอายุ: ปัญหาและแนวทางการรับมือในยุคดิจิทัล

การโฆษณาที่มุ่งเป้าผู้สูงอายุ: ปัญหาและแนวทางการรับมือในยุคดิจิทัล ปัจจุบัน สังคมโลกกำลังก้าวเข้าสู่ยุคสังคมผู้สูงอายุ (Aging Society) อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งหมายถึงการเพิ่มขึ้นของประชากรสูงวัยในสัดส่วนที่มากกว่ากลุ่มประชากรวัยอื่น ๆ ควบคู่ไปกับการพัฒนาเทคโนโลยีและสื่อดิจิทัลที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ผู้สูงอายุมีโอกาสเข้าถึงข้อมูลข่าวสารและสื่อโฆษณาได้ง่ายขึ้น อย่างไรก็ตาม แม้เทคโนโลยีจะช่วยให้ผู้สูงอายุได้รับสินค้าและบริการที่อำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวันมากขึ้น แต่ในขณะเดียวกันก็ก่อให้เกิดความเสี่ยง เนื่องจากพวกเขาตกเป็นกลุ่มเป้าหมายของโฆษณาที่แสวงหาผลประโยชน์1 โดยอาศัยข้อจำกัดทางด้านกายภาพ ทักษะการใช้เทคโนโลยี และการทำความเข้าใจกลไกของตลาดยุคใหม่2,3 ปัญหานี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในเชิงเศรษฐกิจหรือการตลาดเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อสุขภาพ การเงิน และคุณภาพชีวิตโดยรวมของผู้สูงอายุ4 ปัญหาสำคัญที่พบได้บ่อยในปัจจุบันคือ การใช้กลยุทธ์ทางการตลาดที่ชักจูงให้ผู้สูงอายุเข้าใจผิดเกี่ยวกับคุณสมบัติของสินค้าและบริการ ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ บริการทางการเงิน หรือสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไป ผู้สูงอายุจำนวนมากอาจขาดทักษะในการวิเคราะห์ข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ หรือไม่ได้รับข้อมูลที่ถูกต้องเพียงพอ ทำให้พวกเขาตกเป็นเหยื่อของโฆษณาที่กล่าวอ้างเกินจริง หรือแฝงเจตนาเพื่อกระตุ้นให้ตัดสินใจซื้อโดยขาดความระมัดระวัง5 ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือโฆษณาสินค้าเพื่อสุขภาพ เช่น ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่อ้างว่าสามารถฟื้นฟูความจำ รักษาโรคข้อเสื่อม หรือป้องกันโรคร้ายแรงได้ภายในระยะเวลาอันสั้น แม้ว่าผลิตภัณฑ์บางอย่างอาจมีประโยชน์ต่อสุขภาพในระดับหนึ่งก็ตาม ภาพ : https://www.matichon.co.th อีกหนึ่งปัญหาสำคัญคือการโฆษณาที่เกี่ยวข้องกับการเงินและการลงทุน6 ผู้สูงอายุเป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มสะสมเงินออมมาเป็นเวลานานและกำลังมองหาช่องทางการลงทุนเพื่อความมั่นคงในวัยเกษียณ โฆษณาจำนวนมากจึงมุ่งเน้นไปที่การนำเสนอผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่อ้างว่ามีผลตอบแทนสูง แต่ไม่ได้เปิดเผยความเสี่ยงอย่างครบถ้วน3 บางกรณีอาจมีการใช้ข้อความที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิดเกี่ยวกับเงื่อนไขการลงทุน หรือซ่อนค่าธรรมเนียมแอบแฝง ทำให้ผู้สูงอายุสูญเสียเงินออมโดยไม่รู้ตัว นอกจากนี้ ยังมีกรณีของมิจฉาชีพที่แอบอ้างเป็นที่ปรึกษาทางการเงินหรือเจ้าหน้าที่ธนาคาร เพื่อหลอกให้ผู้สูงอายุเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว ซึ่งอาจนำไปสู่การโจรกรรมทางการเงินหรือการฉ้อโกงในรูปแบบต่าง ๆ นอกเหนือจากการใช้ข้อมูลที่ทำให้เข้าใจผิดแล้ว การตลาดที่ใช้เทคนิคทางจิตวิทยาและอารมณ์ก็เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่มักนำมาใช้กับผู้สูงอายุ1

การโฆษณาที่มุ่งเป้าผู้สูงอายุ: ปัญหาและแนวทางการรับมือในยุคดิจิทัล Read More »

ทำความรู้จัก “แกรนด์อินฟลูเอนเซอร์ (Grandinfluencer)” เมื่อคุณตาคุณยายหันมาสร้างคอนเทนต์ออนไลน์

ลองทายกันสิว่า หนึ่งในคอนเทนต์ครีเอเตอร์ที่ประสบความสำเร็จและมีอายุมากที่สุดในโลก มีอายุเท่าไหร่? พบกับ ลิเลียน โดรนิแอก (@grandma_droniak) คุณยายวัย 94 ปีจากคอนเนกติคัต สหรัฐอเมริกา อินฟลูอินเซอร์รุ่นลายครามที่มีผู้ติดตามใน TikTok มากถึง 14.7 ล้านคน และใน IG อีกกว่า 3.4 ล้านคน คุณยายลิเลียนขนานนามตัวเองอย่างมีอารมณ์ขันว่าเป็น “แฟชั่นโมเดล” และเริ่มสร้างคอนเทนต์กับหลานชายมาตั้งแต่ปี 2019 เนื้อหาในช่องของคุณยายมีทั้งคลิปเต้น คำแนะนำเกี่ยวกับการใช้ชีวิตและความสัมพันธ์ รวมทั้งคลิปตลกขบขันต่าง ๆ ที่มีตั้งแต่การสอนทำค็อกเทลไปจนถึงการเตรียมตัวออกเดต! คุณยายลิเลียนเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้สูงอายุที่หันมาสร้างคอนเทนต์ออนไลน์ หรือที่รู้จักกันในชื่อ “แกรนด์อินฟลูเอนเซอร์” ที่รวมคำว่า “แกรนด์” จาก grandparents ที่หมายถึงคุณตาคุณยาย เข้ากับคำว่า “อินฟลูเอนเซอร์”  หรือผู้ที่มีอิทธิพลในโลกออนไลน์ ปัจจุบันผู้สูงอายุจำนวนมากหันมาผลิตคอนเทนต์ออนไลน์หลากหลายรูปแบบในอินเทอร์เน็ตร่วมกับลูกหลานของตน ซึ่งมีตั้งแต่การทำอาหาร ทำสวน ออกกำลังกาย ท่องเที่ยว หรือคอนเทนต์ให้คำแนะนำและสร้างความสนุกสนานแบบในช่องของคุณยายลิเลียน โดยคุณยายเคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า ทุกครั้งที่ได้ถ่ายคลิป คุณยายก็จะรู้สึกเหมือนกลับไปมีอายุ 65 อีกครั้ง! หรือนี่จะเป็นเหตุผลที่ผู้สูงอายุผันตัวมาเป็นอินฟลูเอนเซอร์กัน? ทำไมผู้สูงวัยถึงอยากสร้างคอนเทนต์ออนไลน์? ก่อนอื่น

ทำความรู้จัก “แกรนด์อินฟลูเอนเซอร์ (Grandinfluencer)” เมื่อคุณตาคุณยายหันมาสร้างคอนเทนต์ออนไลน์ Read More »

🔊 สูงวัยยุคใหม่ใช้สื่อได้ ประยุกต์สื่อเป็น พร้อมต่อยอดความสร้างสรรค์ สร้างคุณค่าและรายได้ให้แก่ตนเอง

🔊 สูงวัยยุคใหม่ใช้สื่อได้ ประยุกต์สื่อเป็น พร้อมต่อยอดความสร้างสรรค์ สร้างคุณค่าและรายได้ให้แก่ตนเอง Read More »

ความท้าทายของผู้สูงอายุในการเผชิญหน้ากับข่าวลวงในยุคดิจิทัล

การแยกแยะข้อเท็จจริงจากเรื่องเท็จเป็นเรื่องที่ท้าทาย และในยุคดิจิทัลที่ข้อมูลสามารถแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว ข่าวลวงกลับถูกเผยแพร่อย่างรวดเร็วกว่าความจริง1 ส่งผลให้เกิดความเข้าใจผิดและมีผลกระทบต่อการตัดสินใจในเรื่องสำคัญต่าง ๆ แม้ว่าข้อมูลที่ไม่ถูกต้องนี้จะกระจายไปทั่วทุกกลุ่มอายุ แต่งานวิจัยหลายชิ้นชี้ให้เห็นว่าผู้สูงอายุมักหลงเชื่อและแชร์ข่าวลวงมากกว่ากลุ่มอายุอื่น ๆ2,3 หลังการเลือกตั้งปี 2016 คำว่า “ข่าวลวง” ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมอเมริกัน ชาวอเมริกันจำนวนมากมองว่าข่าวลวงเป็นภัยคุกคาม งานวิจัยพบว่าผู้สูงอายุมีบทบาทสำคัญในการแพร่กระจายข่าวลวงผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ตัวอย่างเช่น ในฟีดทวิตเตอร์ของผู้สูงอายุ พบว่ากว่าร้อยละ 2 ของการเข้าถึง URL ทางการเมืองมาจากเว็บไซต์ข่าวปลอม ขณะที่ตัวเลขนี้ต่ำกว่าร้อยละ 1 ในกลุ่มผู้ใหญ่วัยหนุ่มสาว นอกจากนี้ ผู้ใช้อายุเกิน 50 ปี ยังมีส่วนร่วมในการแชร์ข่าวลวงถึงร้อยละ 80 ของการแชร์ทั้งหมด ใน Facebook ก็มีรูปแบบที่คล้ายกัน โดยผู้ใช้อายุเกิน 65 ปีแชร์ลิงก์ไปยังเว็บไซต์ข่าวปลอมมากกว่าผู้ใช้ที่อายุน้อยกว่าถึง 7 เท่า5 แม้ว่าจะมีการควบคุมตัวแปรอื่น เช่น ความนิยมทางการเมือง ระดับการศึกษา และกิจกรรมการโพสต์โดยรวม แต่ผลกระทบของอายุยังคงชัดเจน3 โดยผู้สูงอายุมีแนวโน้มที่จะแชร์ข่าวลวงมากกว่ากลุ่มอายุอื่น ๆ ตัวอย่างเช่น ในกลุ่มผู้สูงอายุที่มีอายุมากกว่า 65 ปีมีอัตราการแชร์ข่าวลวงสูงกว่าคนหนุ่มสาวสองเท่า นอกจากนี้ ผู้ที่มีอายุมากกว่า 50

ความท้าทายของผู้สูงอายุในการเผชิญหน้ากับข่าวลวงในยุคดิจิทัล Read More »

หนังสือเสียง: ตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับการดูแลสุขภาพจิตผู้สูงอายุ

ผู้สูงอายุมักมีความเสี่ยงต่อสภาวะสมองเสื่อมตามธรรมชาติ นอกจากนี้ เมื่อเข้าสู่วัยชราผู้สูงอายุจำนวนไม่น้อยเกิดความเครียด วิตกกังวล ทั้งในด้านความเปลี่ยนแปลงด้านสุขภาพ สถานะทางเศรษฐกิจ และความสัมพันธ์ นำไปสู่ปัญหาสุขภาพจิตไม่แพ้คนในวัยทำงานและวัยรุ่น จึงมีการใช้วิธีบรรณบำบัด (Bibliotherapy) มาช่วยเสริม แต่เนื่องจากหนังสือแบบเล่มมีข้อจำกัดหลายประการ การใช้เทคโนโลยีมาช่วยผู้สูงอายุอ่านหนังสืออย่างหนังสือเสียงจึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ และเริ่มมีงานวิจัยมารองรับแล้วด้วย บรรณบำบัด: ข้อดีและข้อจำกัด ในต่างประเทศ หนึ่งในวิธีที่แพทย์นำมาใช้ช่วยเหลือผู้สูงอายุที่มีปัญหาสุขภาพจิตคือบรรณบำบัด (Bibliotherapy) ด้วยการมอบหมายให้คนไข้อ่านหนังสือร่วมกับใช้วิธีการบำบัดอื่น ๆ ควบคู่ วิธีการดั้งเดิมของบรรณบำบัดในผู้ป่วยสุขภาพจิตที่มีผลการวิจัยรองรับในเบื้องต้นแล้วว่าได้ผล คือ การให้คนไข้สูงอายุที่มีปัญหาสุขภาพจิตในระดับเบื้องต้นและระดับกลางอ่านหนังสือเกี่ยวกับสุขภาพจิตที่เกี่ยวข้องโดยให้แพทย์ประจำตัวเป็นผู้คัดเลือก การอ่านหนังสือเกี่ยวกับสุขภาพจิตช่วยให้ผู้ป่วยยอมรับสภาวการณ์ปัจจุบันและปฏิบัติตนได้ถูกต้อง อีกทั้งยังให้ความร่วมมือในการรักษามากขึ้น แต่ทีมวิจัยโครงการ HANDI เน้นย้ำว่าวิธีนี้ใช้ได้ผลเฉพาะผู้ป่วยที่มีความคิดเชิงบวกในการช่วยเหลือตนเอง ซึ่งแพทย์กำหนดหนังสือโดยมีการควบคุมค่าใช้จ่าย และรักษาได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้ยา1 สำหรับวิธีการแบบใหม่ที่ผ่านการวิจัยกับกลุ่มตัวอย่างในประเทศอิหร่านมาแล้ว แพทย์ได้ให้ผู้ป่วยสูงอายุฟังหนังสือเสียงที่เลือกเองจากแนวเนื้อหาที่สนใจ งานวิจัยของอเมรีและคณะ พบว่าผู้ป่วยเลือกแนวเนื้อหาที่หลากหลาย ทั้งสารคดีและบันเทิงคดี เช่น หนังสือรวมบทกวีนิพนธ์ คัมภีร์อัลกุรอาน หนังสือฮาวทู งานวิจัยยังพบว่า ผู้ป่วยสูงอายุสุขภาพจิตดีขึ้นระหว่างการรักษา ได้ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ นอกจากนี้ หนังสือเสียงยังช่วยแก้ไขปัญหาการเข้าถึงความรู้ในหมู่ผู้ป่วยสูงอายุที่อ่านหนังสือไม่ออกและมีปัญหาสายตาร่วมกับปัญหาสุขภาพจิต2 อย่างไรก็ตาม วิธีดังกล่าวมีข้อจำกัดตรงที่สามารถใช้ได้กับผู้ป่วยสุขภาพจิตที่มีอาการอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้เท่านั้น คือ อาการซึมเศร้า อาการวิตกกังวล โรคกลัวขั้นรุนแรงหรือโฟเบีย อาการหวาดระแวงจากความวิตกกังวล พฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรง โรคขาดความยับยั้งชั่งใจ

หนังสือเสียง: ตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับการดูแลสุขภาพจิตผู้สูงอายุ Read More »

ภาษาสื่อกับการสร้างการรับรู้ของผู้สูงอายุ

ในยุคดิจิทัลที่ข้อมูลข่าวสารสามารถเข้าถึงได้ง่ายเพียงปลายนิ้วสัมผัส บทบาทของภาษาที่ใช้ในสื่อมีความสำคัญอย่างยิ่งในการกำหนดการรับรู้ (perception) โดยเฉพาะสำหรับผู้สูงอายุที่อาจไม่เชี่ยวชาญในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเท่ากับคนรุ่นใหม่ ภาษาในสื่อสามารถส่งผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อความเข้าใจและการรับรู้ของผู้สูงอายุ การใช้ภาษาไม่ได้เป็นเพียงการสื่อสารเท่านั้น แต่ยังมีบทบาทสำคัญในการตีความข้อมูล การซึมซับความหมาย และการตอบสนองต่อข้อมูลเหล่านั้นด้วย1 บทความนี้จะสำรวจถึงผลกระทบของภาษาที่ใช้ในสื่อต่อการรับรู้ของผู้สูงอายุ โดยเน้นที่ผลกระทบทางจิตวิทยาและสังคมเป็นสำคัญ ภาษาสื่อเป็นเครื่องมือที่มีพลัง สามารถช่วยให้เข้าใจหรือบิดเบือนความจริงได้ สื่อมักใช้เทคนิคทางภาษา เช่น การสร้างกรอบความหมาย (framing) การใช้อุปลักษณ์ (metaphor) และการใช้คำกล่าวเกินจริง (hyperbole) ในการสร้างเรื่องราวที่มีผลต่อการรับรู้ของผู้ชม2 โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่มักพึ่งพาสื่อแบบดั้งเดิม ซึ่งมีแนวโน้มที่จะเป็นกลุ่มเป้าหมายที่เปราะบางต่อเทคนิคเหล่านี้ การนำเสนอข้อมูลในลักษณะที่ต่างออกไปอาจนำไปสู่ความเข้าใจผิด (misunderstandings) การตอกย้ำภาพลักษณ์เชิงลบ (reinforcing stereotypes) หรือสร้างความกลัวและความกังวลที่ไม่จำเป็น (creating unnecessary fear or anxiety) ในกลุ่มนี้3 หนึ่งในวิธีที่สำคัญที่สุดที่ภาษาสื่อส่งผลต่อผู้สูงอายุคือการสร้างกรอบความหมาย การสร้างกรอบความหมาย คือการนำเสนอข้อมูลในลักษณะที่มีผลต่อการตีความในประเด็นเฉพาะ ตัวอย่างเช่น รายงานข่าวที่เกี่ยวกับสุขภาพมักใช้ภาษาที่เน้นถึงความเสี่ยงหรืออันตราย ซึ่งอาจทำให้ผู้สูงอายุรับรู้ถึงสภาพสุขภาพบางประการว่ามีความน่ากลัวมากกว่าความเป็นจริง4 ทำให้เกิดความกังวลและความเครียดที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเมื่อภาษาที่ใช้เป็นภาษาที่สร้างความตื่นตระหนกหรือภาษาที่เกินจริง อุปลักษณ์เป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่มักถูกนำมาใช้ในสื่อ ซึ่งมีผลกระทบที่ทรงพลัง ถ้อยคำอุปลักษณ์ทำให้ประเด็นที่ซับซ้อนง่ายขึ้นสำหรับการทำความเข้าใจ อย่างไรก็ตาม อุปลักษณ์อาจสร้างการรับรู้ที่บิดเบือนไปหรือมีลักษณะเรียบง่ายเกินความเป็นจริงไป ตัวอย่างเช่น การอธิบายสถานการณ์ทางการเงินที่ตกต่ำว่าเป็น “การพังทะลาย”  อาจทำให้เกิดภาพลักษณ์ของความหายนะและความเสียหายที่ไม่สามารถแก้ไขได้ ทำให้ผู้สูงอายุเกิดความกังวลมากเกินไปเกี่ยวกับความมั่นคงทางการเงินของตนเอง5 ภาษาดังกล่าวอาจส่งผลต่อการตัดสินใจและพฤติกรรมของพวกเขา

ภาษาสื่อกับการสร้างการรับรู้ของผู้สูงอายุ Read More »

Scroll to Top