Literacy-th

Adopta un abuelo: สตาร์ตอัปจากสเปนที่ช่วยเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างวัยผ่านแอปพลิเคชัน

ปัจจุบัน หลายประเทศได้ก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ และต้องเผชิญกับความท้าทายหลาย ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นการรับมือกับปัญหาสุขภาพ ปัญหาคุณภาพชีวิตของผู้สูงวัย ไปจนถึงปัญหาด้านเศรษฐกิจ และโครงสร้างประชากร1 หนึ่งในปัญหาที่ไม่ควรมองข้าม คือปัญหาด้านสภาพจิตใจของผู้สูงอายุ โดยเฉพาะกลุ่มที่อาศัยอยู่ตามลำพัง หรือในสถานดูแลผู้สูงอายุ ซึ่งอาจรู้สึกเหงา โดดเดี่ยว น้อยใจ ซึมเศร้า หรือถูกทอดทิ้ง ในประเทศไทย จากข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติ จำนวนผู้สูงอายุที่อาศัยอยู่ตามลำพังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยอยู่ที่ร้อยละ 12 ของจำนวนผู้สูงอายุทั้งหมด ในปี พ.ศ. 25642 ส่วนในประเทศสเปน ความโดดเดี่ยวในผู้สูงอายุก็เป็นปัญหาเช่นเดียวกัน ในปี 2556 อัลเบร์โต กาบาเนส (Alberto Cabanes) ชายหนุ่มชาวสเปนวัย 24 ปี ไปเยี่ยมปู่ของเขาที่สถานดูแลผู้สูงอายุเป็นประจำ เขาสังเกตว่าผู้สูงอายุที่อาศัยอยู่ที่นั่นมักอยากเข้ามาทักทาย อยากพูดคุยด้วย โดยเฉพาะเบร์นาร์โด (Bernardo) พ่อหม้ายสูงวัยคนหนึ่งที่ไม่มีลูกหลาน ในช่วงเทศกาลคริสต์มาสของปีนั้น ชายหนุ่มได้ยินเบร์นาร์โดกล่าวว่า เขาอยากจะมีหลานปู่หลานตาสักคน อัลเบร์โตจึงตอบกลับไปว่า เขาจะเป็นหลานให้เบร์นาร์โดเอง3 นั่นคือจุดเริ่มต้นของโครงการ Adopta un abuelo ชื่อโครงการในภาษาสเปนเล่นกับคำกริยา “Adoptar” […]

Adopta un abuelo: สตาร์ตอัปจากสเปนที่ช่วยเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างวัยผ่านแอปพลิเคชัน Read More »

ความท้าทายของ Gen X กับการเป็น “แซนวิชเจเนอเรชั่น”

ประเทศไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายและพยายามหาแนวทางในการรับมือกับผลกระทบและการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรที่มีลักษณะเป็นแบบพีระมิดแบบหดตัว (constrictive pyramid/ declining pyramid) ซึ่งเกิดจากจำนวนประชากรที่ลดลงจากอัตราการเกิดและอัตราการตายที่ต่ำ ทำให้จำนวนเด็กที่เกิดใหม่ไม่ได้สัดส่วนที่จะทดแทนคนรุ่นพ่อและแม่ได้1 ส่งผลต่อเนื่องให้ประเทศไทยเป็น “สังคมสูงอายุสมบูรณ์” (complete-aged society) เนื่องจากมีจำนวนผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป มากถึง 20.08% หรือ 13,064,929 คน จากจำนวนประชากรตามทะเบียนราษฎรทั้งหมด 66,052,615 ล้านคน2 ที่สำคัญ หากมองประชากรที่อยู่ในกลุ่มวัยก่อนสูงอายุ (pre-aging) นั่นคือ ผู้ที่มีอายุระหว่าง 50-59 ปี จำนวน 10,005,690 คนในปัจจุบัน ที่ก็จะกลายเป็นผู้ที่มีอายุ 60 ปีในอีก 10 ปีข้างหน้า ทำให้มองเห็นภาพของสังคมสูงอายุไทยที่จะมีจำนวนผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นประมาณ 23 ล้านคน หรือ 34% ของประชากรทั้งหมด1  ถ้าจะทำให้มองเห็นภาพได้ง่ายขึ้นก็คือ ในทศวรรษหน้า ประชากรไทย 1 ใน 3 จะเป็นผู้สูงอายุ เมื่อแนวโน้มโครงสร้างทางประชากรของไทยเป็นเช่นนี้ การเตรียมความพร้อมในการรับมือกับจำนวนประชากรสูงอายุไทยที่จะเพิ่มขึ้นในอีกทศวรรษ จะต้องเริ่มจากการให้ความสนใจไปที่กลุ่มวัยก่อนสูงอายุ เพื่อเตรียมคนเหล่านี้ให้เป็นผู้สูงอายุที่มีคุณภาพชีวิตที่ดี ลดภาระการดูแลจากภาครัฐ

ความท้าทายของ Gen X กับการเป็น “แซนวิชเจเนอเรชั่น” Read More »

ชวนส่องเทรนด์ไลฟ์สไตล์ผู้สูงอายุในปี 2567: แม้วัยจะเพิ่มขึ้นแค่ไหน แต่หัวใจยังคงสดใสอยู่เสมอ

การใช้ชีวิตของผู้สูงอายุทั่วโลกต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากการพัฒนาของเทคโนโลยีดิจิทัลที่ล้ำหน้าอย่างก้าวกระโดด การดำเนินชีวิตในยุคดิจิทัลจึงส่งผลต่อวิถีคิดและการดำรงชีวิตผู้สูงอายุในปัจจุบันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งนี้ Thailand Creative & Design Center (TCDC) ได้วิเคราะห์รูปแบบการดำเนินชีวิตของผู้สูงอายุรุ่น “เจนเนอเรชันเบบี้บูมเมอร์” (เกิดระหว่างปี พ.ศ. 2489-2507 หรือ อายุ 60 ปีขึ้นไป) ในปี 2567 โดยได้วิเคราะห์ถึงแนวโน้มและการเคลื่อนไหวที่จะเกิดขึ้นในธุรกิจเชิงสร้างสรรค์ “Trend 2024: REMADE ANEW” 1 และได้นำเสนอไลฟ์สไตล์ของผู้สูงอายุในหลากหลายด้าน จึงขอเชิญชวนมาส่องเทรนด์ไปด้วยกัน การสร้าง content ต้องเน้นเอาใจกลุ่มผู้สูงวัย เมื่อเข้าสู่ช่วงวัยหลังเกษียณ ผู้สูงอายุกลุ่มเบบี้บูมเมอร์จะมีเวลามากมายในการปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมของยุคดิจิทัล ทำให้เฟซบุ๊กเป็นแพลตฟอร์มโซเชียลที่ได้รับความนิยมอันดับหนึ่งในโลก รวมถึงผู้สูงอายุยังกลายเป็นผู้ทดลองดาวน์โหลดแอปพลิเคชันทั้งแบบทดลองใช้ฟรีและแบบจ่ายเงินมากกว่า 1.2 พันล้านครั้งต่อเดือน นี่เป็นเหตุผลที่หลาย ๆ แบรนด์ ตัดสินใจลงทุนในการโฆษณาผ่านแอปพลิเคชันหรือทำการสร้างเนื้อหาที่เน้นเอาใจกลุ่มผู้สูงอายุที่มีรสนิยมที่แตกต่างกันออกไปบนสื่อโซเชียล เช่น เฟซบุ๊ก หรือ TikTok เพื่อกระตุ้นแรงจูงใจของกลุ่มเบบี้บูมเมอร์ให้ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันต่อไป2 แอปพลิเคชัน TikTok เป็นที่ชื่นชอบของเจนเนอเรชันเบบี้บูมเมอร์ คนในกลุ่มเบบี้บูมเมอร์มองว่าการพักผ่อนเป็นสิ่งสำคัญ และมักจะใช้เวลาในการเล่นสื่อโซเชียลเป็นพิเศษในช่วงโควิด-19 เมื่อไม่สามารถพบปะเพื่อนได้โดยตรง กลุ่มนี้ยังมีความยินดีที่จะสมัครสมาชิกหรือดาวน์โหลดแอปพลิเคชันใหม่เพื่อพบเพื่อนเก่า หรือเพื่องานด้านสังคมในโลกออนไลน์

ชวนส่องเทรนด์ไลฟ์สไตล์ผู้สูงอายุในปี 2567: แม้วัยจะเพิ่มขึ้นแค่ไหน แต่หัวใจยังคงสดใสอยู่เสมอ Read More »

DOUYIN เครื่องมือใหม่ในการเข้าสังคมของผู้สูงอายุชาวจีน

ถ้าเราย้อนไปเมื่อหลายปีที่ผ่านมา โลกของเราได้มีแพลตฟอร์มที่เรียกว่า Douyin  หรือในภาษาจีนเรียกว่า “抖音” (อ่านออกเสียงแบบภาษาจีนว่า “โต่วยิน”) หรือที่คนไทยเรารู้จักกันในชื่อ TikTok ถือกำเนิดขึ้น ซึ่งถือเป็นแพลตฟอร์มคลิปวิดีทัศน์สั้นสัญชาติจีน เริ่มให้บริการตั้งแต่วันที่ 20 กันยายน 2559 หรือกว่า 8 ปีมาแล้ว โดยมีจุดประสงค์คือ การผลิตและเผยแพร่วิดีทัศน์สั้น ๆ บนโลกออนไลน์ ผู้ใช้สามารถบันทึกคลิปวิดีทัศน์ที่มีความยาวตั้งแต่ 15 วินาที ไปจนถึง 10 นาที และยังสามารถอัปโหลดรูปภาพ ฯลฯ ได้อีกด้วย สามารถทำการลิปซิงค์ สร้างเอฟเฟกต์พิเศษและการตัดต่ออื่น ๆ ได้อย่างง่ายดาย และผู้ใช้สามารถแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคลิปวิดีทัศน์ของผู้อื่นในแพลตฟอร์มได้อีกด้วย ซึ่งเดิมที Douyin นั้นเป็นแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียวิดีทัศน์ด้านดนตรีและวิดีทัศน์ที่สร้างสรรค์ ผู้ใช้สามารถเลือกเพลง ถ่ายวิดีทัศน์เพลง และสร้างผลงานของตนเองได้ผ่านซอฟต์แวร์นี้ หลังจากเปิดตัว Douyin ก็ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ในจีนแผ่นดินใหญ่1 หลังจากเปิดตัวต่อสาธารณชนได้ไม่นาน Douyin ก็ได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศจีน และเมื่อดูสถิติจาก QuestMobile พบว่าช่วงอายุของผู้ใช้แพลตฟอร์ม Douyin ของชาวจีนนั้นเป็นผู้ที่มีอายุต่ำกว่า24 ปี

DOUYIN เครื่องมือใหม่ในการเข้าสังคมของผู้สูงอายุชาวจีน Read More »

ผู้หญิงสูงวัยมักก้าวตามเทคโนโลยีไม่ทันจริงหรือ? ภาพตัวแทนการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลของผู้หญิงสูงวัยในสื่อไทย

บทนำ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่าน การส่งเสริมความรู้ด้านดิจิทัลในกลุ่มผู้สูงอายุกลายเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจกันอย่างกว้างขวาง ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 ทำให้เทคโนโลยีดิจิทัลกลายเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวัน ซึ่งเห็นได้จากการส่งเสริมความรู้ด้านดิจิทัลถูกกำหนดให้เป็นแนวทางวันผู้สูงอายุสากล (1 ตุลาคม) ในปี 2564 ที่ผ่านมา1 หน่วยงานภาครัฐและองค์กรภาคประชาสังคมในประเทศไทยต่างให้ความสำคัญในประเด็นความรู้และทักษะด้านดิจิทัลของผู้สูงอายุ มีการนำมาเป็นส่วนหนึ่งของนโยบาย และการจัดทำโครงการที่ปรากฏผลเป็นรูปธรรมออกมาอย่างหลากหลาย2 ผลจากการส่งเสริมความรู้ด้านดิจิทัลในกลุ่มผู้สูงอายุ ทำให้เกิดภาพตัวแทนและการอภิปรายเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีเป็นวงกว้าง เช่น ในสื่อออนไลน์แพลตฟอร์มต่าง ๆ ที่มักสะท้อนทัศนคติแบบเหมารวมของผู้สูงวัย โดยมักมองผู้สูงวัยว่า ‘ไร้ความสามารถทางดิจิทัล’ เนื่องจากไม่ยอมเท่าทัน หรือไม่มีความสามารถเพียงพอในการปรับตัว และคุ้นเคยกับเทคโนโลยีไม่เท่ากับกลุ่มที่มีอายุน้อยกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้หญิงสูงวัย ซึ่งเป็นผลมาจากการกีดกันผู้หญิงออกจากวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาตั้งแต่อดีต3 บทความนี้จะไขความกระจ่างเรื่องภาพตัวแทนและการกล่าวถึงการใช้เทคโนโลยีออนไลน์ของผู้หญิงสูงวัย ดังที่ถูกนำเสนอในสื่อกระแสหลักของประเทศไทย โดยข้อมูลบางส่วนนำมาจากผลการวิจัยระดับปริญญาเอกของผู้เขียนเอง ทั้งนี้ ผู้เขียนจะเน้นไปที่ประเด็นการส่งเสริมความรู้ด้านดิจิทัลในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ในฐานะปัจจัยสำคัญของชีวิตผู้สูงวัย โดยเฉพาะกลุ่มผู้หญิง ผลการวิจัยยืนยันว่า แม้การส่งเสริมให้เกิดทักษะด้านดิจิทัลในกลุ่มผู้หญิงสูงวัยจะเป็นประโยชน์ต่อความเป็นอยู่ที่ดี แต่แนวทางของสื่อและวัฒนธรรมที่พยายามเกื้อหนุนนั้น กลับสร้างภาพจำในเชิงลบแก่ผู้หญิงสูงวัยเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีอยู่นั่นเอง นอกจากนี้ แนวทางดังกล่าวอาจเพิ่มแรงกดดันให้กับผู้สูงอายุโดยไม่ได้ตั้งใจ กล่าวคือ การกดดันให้ต้องก้าวทันเทคโนโลยีใหม่ ๆ แม้ว่าบางคนอาจจะไม่สามารถเข้าถึงเครื่องมือดิจิทัลได้เลยก็ตาม ในท้ายสุด ผู้เขียนจะแสดงให้เห็นถึงผลที่ตามมาของภาพตัวแทนดังกล่าว และข้อเสนอแนะที่จะเป็นแนวทางเพื่อให้เกิดความเข้าใจอันดีแก่ผู้สูงวัยต่อไป สมรรถนะทางดิจิทัล: สมรรถนะที่พบได้น้อยในกลุ่มผู้หญิงสูงวัย ความรู้ด้านดิจิทัลมักถูกมองว่า เป็นคุณลักษณะอันหาได้ยากในกลุ่มผู้หญิงสูงวัย โดยสื่อมักนำเสนอและมองว่าคนกลุ่มนี้มีความเสี่ยงต่อข่าวปลอม การฉ้อโกง และอาชญากรรมทางไซเบอร์ ซึ่งอาจก่อให้เกิดภัยคุกคามต่อการใช้ชีวิตคนกลุ่มนี้

ผู้หญิงสูงวัยมักก้าวตามเทคโนโลยีไม่ทันจริงหรือ? ภาพตัวแทนการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลของผู้หญิงสูงวัยในสื่อไทย Read More »

ภาพลักษณ์ผู้สูงวัยในสื่อชี้นำทัศนคติของสังคม

การนำเสนอภาพของวัยชราผ่านสื่อมีส่วนสำคัญในการกำหนดทัศนคติของสังคมต่อผู้สูงอายุ ทว่าการนำเสนอภาพผู้สูงอายุผ่านสื่อหลายต่อหลายครั้ง ยังขาดความตระหนักถึงผลกระทบต่อทัศนคติของคนรุ่นอื่น ๆ ที่มีต่อกลุ่มผู้สูงอายุ การเพิ่มขึ้นของประชากรสูงอายุในหลาย ๆ ประเทศ ได้ส่งผลต่อภาพลักษณ์ทางสังคมด้วยอย่างเลี่ยงมิได้ ไม่ว่าจะเป็นสิทธิทางสังคม หรือค่าใช้จ่ายในการอุดหนุนผู้สูงอายุจากภาครัฐ จนอาจทำให้คนกลุ่มอื่น ๆ มองผู้สูงอายุว่าเป็นภาระทางสังคม ยิ่งไปกว่านั้น ภาพลักษณ์ทางสังคมของผู้สูงอายุยังมีโอกาสผันแปรไปตามระดับความทันสมัยที่เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน มีงานวิจัยชิ้นหนึ่งได้กล่าวถึงความสำคัญของปรากฏการณ์นี้ โดยให้ความสนใจเป็นพิเศษเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงเชิงประชากรและการนำเสนอภาพลักษณ์ของผู้สูงอายุในโฆษณา จากการวิเคราะห์ข้อมูลระยะเวลา 10 ปี พบว่า ในสังคมญี่ปุ่น ผู้สูงอายุมีบทบาทที่สำคัญเพิ่มขึ้น มีการนำเสนอภาพลักษณ์ของผู้สูงอายุในลักษณะที่เป็นประโยชน์ อย่างไรก็ดี การนำเสนอภาพของผู้สูงอายุส่วนใหญ่ในโฆษณาอาหารและผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มยังไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงเชิงประชากรของสังคมญี่ปุ่น การโปรโมตผลิตภัณฑ์ด้วยภาพแทนผู้สูงอายุที่เกิดขึ้นเช่นนี้ จึงอาจสร้างความเข้าใจผิดเกี่ยวกับโภชนาการของผู้สูงอายุ ดังนั้น การสร้างความเข้าใจอันดีผ่านการสร้างโฆษณาที่สอดคล้องกับความเป็นจริง จะช่วยมิให้เกิดความเข้าใจที่ผิดต่อผู้สูงอายุในกลุ่มคนอื่น ๆ ในสังคมได้1 งานวิจัยล่าสุดเปรียบเทียบทัศนคติของกลุ่มคนต่าง ๆ ต่อผู้สูงอายุในเกาหลีและญี่ปุ่น พบว่า ในเชิงวัฒนธรรม ทั้งสองสังคมมีความคล้ายคลึงกันมาก แต่นักเรียนในญี่ปุ่นมีทัศนคติเชิงบวกต่อผู้สูงอายุมากกว่านักเรียนในเกาหลี โดยนักเรียนในระดับมัธยมต้นและมัธยมปลายในญี่ปุ่นมีคะแนนเชิงทัศนคติสูงกว่านักเรียนในเกาหลี ทั้งนี้ อายุของนักเรียนมีส่วนทำให้ทัศนคติในหมู่นักเรียนของทั้งสองประเทศต่างกัน นักเรียนในชั้นมัธยมต้นมักมีทัศนคติเชิงบวกต่อผู้สูงอายุมากกว่านักเรียนมัธยมปลาย ซึ่งเป็นที่น่าแปลกใจว่า เมื่อคนกลุ่มนี้เติบโตขึ้นตามวัย ทัศนคติของนักเรียนกลับกลายเป็นลบยิ่งขึ้น คำอธิบายอย่างหนึ่งได้แก่ นักเรียนมัธยมปลายมีปฏิสัมพันธ์กับผู้สูงอายุน้อย ดังนั้น การไม่มีโอกาสใช้ชีวิตร่วมกับผู้สูงอายุถือเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดทัศนคติเชิงลบ2 ส่วนการวิจัยในระดับนักศึกษาพบว่า มีความแตกต่างในภาพลักษณ์ของผู้สูงอายุระหว่างนักศึกษาญี่ปุ่นและนักศึกษาเกาหลี จากการวิเคราะห์ข้อมูลในกลุ่มนักศึกษาญี่ปุ่น

ภาพลักษณ์ผู้สูงวัยในสื่อชี้นำทัศนคติของสังคม Read More »

You’ve got an email! การใช้อีเมลในกลุ่มผู้สูงวัย

อีเมลเป็นเครื่องมือสื่อสารที่มีความสำคัญในสังคมยุคใหม่ เนื่องจากการใช้อีเมลไม่ได้ถูกจำกัดเฉพาะกับคนรุ่นใหม่และคนที่มีอาชีพที่ใช้คอมพิวเตอร์เท่านั้น การใช้อีเมลในกลุ่มผู้สูงอายุก็ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเช่นกันเนื่องจากเป็นประโยชน์ในหลาย ๆ ด้านของการใช้ชีวิต ไม่ว่าจะเป็น การติดต่อและแลกเปลี่ยนข้อมูลผู้สูงอายุสามารถใช้อีเมลในการติดต่อกับครอบครัวและเพื่อนฝูง โดยเฉพาะถ้ามีคนที่อาศัยอยู่ห่างไกล อีเมลเป็นช่องทางที่สะดวกและคุ้มค่าในการแลกเปลี่ยนข้อมูล รูปภาพ และอัพเดตชีวิตของตนเองให้คนอื่นได้รับรู้ ผู้สูงอายุสามารถใช้อีเมลเพื่อรับข้อมูลจากจดหมายข่าว ข่าวสาร และข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับความสนใจของตนเอง เช่น การสมัครรับจดหมายข่าวหรือรับข้อมูลที่ทันสมัยจากองค์กรที่ตนเองสนใจ ผู้สูงอายุสามารถใช้อีเมลในการรับการแจ้งเตือนเกี่ยวกับการนัดหมายทางการแพทย์หรือปฏิทินงาน ทำให้สามารถติดตามวันและเหตุการณ์สำคัญได้อย่างทันท่วงที นอกจากนั้น อีเมลยังสามารถช่วยจัดการทางการเงินได้ ผู้สูงอายุมักใช้อีเมลในการซื้อสินค้าออนไลน์และจัดการบัญชีธนาคาร รับแจ้งเตือนทางอีเมลเกี่ยวกับธุรกรรมและใบเสร็จรับเงิน เป็นต้น ไม่เพียงเท่านั้น ผู้สูงอายุยังอาจใช้อีเมลเพื่อเชื่อมโยงกับชุมชนออนไลน์ต่าง ๆ เช่น ชมรมหรือกลุ่มที่มีความสนใจร่วมกัน ตลอดจนการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ผ่านทางออนไลน์ ผู้สูงอายุบางคนอาจใช้อีเมลเพื่อลงทะเบียนเรียนหลักสูตรออนไลน์ เข้าถึงแหล่งข้อมูลทางการศึกษา หรือเข้าร่วมกิจกรรมการเรียนรู้ตลอดชีวิตเพื่อเพิ่มพูนความรู้ทักษะใหม่ ๆ ได้เสมอ ที่สำคัญ สามารถใช้อีเมลเพื่อรับข้อมูลด้านสุขภาพจากผู้ให้บริการด้านสุขภาพ แชร์ข้อมูลทางการแพทย์ กระทั่งสื่อสารกับกลุ่มผู้ให้การช่วยเหลือเรื่องสุขภาพเฉพาะทาง สิ่งเหล่านี้สามารถจัดเก็บไว้ในอีเมล ถือเป็นการเก็บบันทึกเอกสารสำคัญในรูปแบบดิจิทัล เช่น เอกสารทางกฎหมาย กรมธรรม์ประกันภัย หรือเอกสารของหน่วยงานรัฐที่จำเป็นต้องใช้ในภายหลัง1, 2 อย่างไรก็ตาม มีข้อควรพิจารณาหลายประการเพื่อให้การใช้อีเมลเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย ได้แก่ ไม่ใช่ผู้สูงอายุทุกคนจะคุ้นเคยกับเทคโนโลยี หรือบางคนอาจจะไม่ได้รับการฝึกอบรมให้ใช้อีเมลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ผู้สูงอายุมีความเสี่ยงต่อการถูกหลอกลวงออนไลน์และละเมิดความเป็นส่วนตัวผ่านช่องทางอีเมล ดังนั้นการอบรมและการเสริมทักษะวิธีคิดให้เกิดความรอบคอบในการใช้เทคโนโลยีเป็นสิ่งสำคัญ นอกจากนั้น

You’ve got an email! การใช้อีเมลในกลุ่มผู้สูงวัย Read More »

เทคโนโลยีเพื่อชีวิต : ปัญญาประดิษฐ์กับการดูแลผู้สูงอายุในแดนมังกร

ปัจจุบันประเทศจีนถือเป็นอีกหนึ่งประเทศที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลกว่าเป็นประเทศที่มีเทคโนโลยีที่ทันสมัย เป็นประเทศที่ไม่หยุดคิดค้นและพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ ในหลากหลายด้าน เช่น เทคโนโลยีในด้านอุตสาหกรรมยานยนต์ เทคโนโลยีในด้านการแพทย์ รวมไปถึงเทคโนโลยีในด้านการใช้ชีวิตประจำวัน ที่จะเข้ามามีส่วนช่วยให้ชีวิตของผู้คนนั้นมีความเป็นอยู่ที่สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ในปัจจุบันนี้การส่งเสริมด้านการพัฒนาเทคโนโลยีของจีนได้มีหลายภาคส่วนที่มีส่วนร่วมและสนับสนุน อุตสาหกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในประเทศจีน เห็นได้จากการประชุมสมัชชาแห่งชาติครั้งที่ 18 ของพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่ระบุว่า ในช่วงสิบปีที่ผ่านมาความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจของประเทศจีนได้ก้าวกระโดดเป็นประวัติศาสตร์ ความแข็งแกร่งทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเติบโตไปพร้อมกับการพัฒนาความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจ การเพิ่มขีดความสามารถทางด้านเทคโนโลยีได้กลายเป็นสัญลักษณ์สำคัญของการพัฒนาเพื่อการเป็นผู้นำการพัฒนาสมัยใหม่ โดย Wu Zhaohui รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้แนะนำการเปลี่ยนแปลงการพัฒนานวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในประเทศจีนไว้ทั้งหมด 4 ด้าน ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ การพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีตอบสนองการดำรงชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีของผู้คน และความสามารถในการตอบสนองความต้องการของผู้คนเพื่อชีวิตที่ดีขึ้น1 เมื่อวันที่ 17 ถึง 19 พฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมา ประเทศจีนได้จัดงาน SIC Elderly Expo ขึ้นซึ่งได้รับการสนับสนุนจากหลายภาคส่วนทั้งภาครัฐและเอกชน ได้แก่ คณะกรรมการทำงานผู้สูงอายุประจำมณฑลกวางตุ้ง กรมกิจการพลเรือนและสำนักงานกิจการพลเรือนกว่างโจว China Aging Industry Association China Poly Group Co., Ltd. และ Poly Development Holding

เทคโนโลยีเพื่อชีวิต : ปัญญาประดิษฐ์กับการดูแลผู้สูงอายุในแดนมังกร Read More »

สูงวัยยุคใหม่ใช้สื่อได้ ประยุกต์สื่อเป็น พร้อมต่อยอดความสร้างสรรค์ สร้างคุณค่าและรายได้ให้แก่ตนเอง

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าปัจจุบันนี้เป็นยุคแห่งการสื่อสารผ่านสื่อสังคมออนไลน์ผ่านเทคโนโลยีดิจิทัล ที่ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของคนทั่วโลกไปเสียแล้ว ทั้งในการติดตามข้อมูลข่าวสาร พูดคุยสร้างความสัมพันธ์ แบ่งปันประสบการณ์ต่าง ๆ ไม่เว้นแม้เรื่องอุปโภคและบริโภค อย่างการซื้อและจำหน่ายสินค้าต่าง ๆ รวมไปถึงวงการและอุตสาหกรรมมากมาย เช่น วงการแพทย์ การขนส่ง หรือการเงินการธนาคาร ซึ่งทำให้ทุกคนจำเป็นต้องปรับตัวในการใช้ชีวิตมากขึ้น โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ที่เป็นผู้ที่ไม่ได้เติบโตมาพร้อมเทคโนโลยีเหล่านี้ แต่เพื่อความอยู่รอดในสังคมโลกและการดำเนินชีวิตอย่างมีคุณค่า จึงจำเป็นที่จะต้องรู้จักและเข้าถึงการสื่อสารผ่านสื่อดิจิทัลหรือสื่อออนไลน์มากขึ้น อย่างที่เราทราบกันดีว่าสื่อออนไลน์สำคัญต่อการใช้ชีวิตอย่างยิ่งในสมัยนี้ และผู้สูงอายุก็เป็นหนึ่งในช่วงวัยที่บริโภคสื่อออนไลน์มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยสถิติการใช้สื่อออนไลน์ในกลุ่มผู้ใช้ที่เป็นผู้สูงวัยในแต่ละปีมีเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ ตามสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงของโลก แต่จากการสำรวจจากงานวิจัยและตามรายงานของหน่วยงานต่าง ๆ หรือจากการติดตามข่าวสาร จะพบว่าผู้สูงวัยส่วนใหญ่นั้นยังขาดทักษะในการใช้สื่อ รวมทั้งทักษะการนำไปประยุกต์และการนำไปต่อยอดสร้างเนื้อหาที่สามารถช่วยเพิ่มการเข้าถึง และเพื่อสร้างรายได้ทางออนไลน์ในอนาคต เช่นเดียวกับการรู้เท่าทันสื่อที่เป็นสถานการณ์ที่ทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องตระหนักถึงความสำคัญ จนมีหลายภาคส่วนพยายามที่จะสร้างเครื่องมือป้องกันภัยจากสื่อ โดยเพิ่มพูนทักษะการรู้เท่าทันสื่อให้กับผู้สูงอายุจากการสร้างหลักสูตรอบรมทั้งแบบ on-site และแบบ online ซึ่งจากการร่วมมือกันจากทุก ๆ คน ส่งผลให้การขับเคลื่อนเรื่องการรู้เท่าทันสื่อในผู้สูงอายุนั้นเป็นไปในทิศทางที่ดีและเห็นผลอย่างต่อเนื่อง แต่เนื่องจากผู้สูงอายุเป็นวัยแห่งพฤฒพลัง (Active Aging) ซึ่งหมายถึง ผู้สูงอายุที่มีสุขภาวะสมบูรณ์ มีสุขภาพกายและใจที่ดี มีความคล่องแคล่วว่องไว รู้จักและเห็นคุณค่าในตนเอง และไม่เพียงแต่ดูแลตนเองได้แต่ยังสามารถช่วยเหลือผู้อื่น แนะนำและส่งต่อความรู้ ความสามารถให้กับผู้อื่นได้อีกด้วย1 เพราะฉะนั้นแล้ว ผู้สูงอายุยุคใหม่จึงไม่เพียงแต่จะต้องรู้ เข้าใจ และเท่าทันสื่อเพียงเท่านั้น

สูงวัยยุคใหม่ใช้สื่อได้ ประยุกต์สื่อเป็น พร้อมต่อยอดความสร้างสรรค์ สร้างคุณค่าและรายได้ให้แก่ตนเอง Read More »

เมื่อวัยเก๋าต้องรู้เท่าทันสื่อดิจิทัล หลักสูตรเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันสำหรับผู้สูงอายุจึงเกิดขึ้น

ผู้สูงอายุทุกคนล้วนแต่ต้องเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วทั้งจากตัวผู้สูงอายุเองและจากสภาพแวดล้อมในสังคม ซึ่งบางครั้งกลายเป็นความเสี่ยงที่จะเกิดภัยอันตรายต่อตัวผู้สูงอายุที่สังคมควรให้ตะหนักถึง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ปัจจุบันที่ผู้สูงอายุต้องใช้ชีวิตท่ามกลางการแพร่กระจายของข้อมูลข่าวสารที่มักจะคลาดเคลื่อนด้วยเหตุปัจจัยที่หลากหลาย หรือบางครั้งข้อมูลข่าวสารที่ได้รับก็เกิดข้อผิดพลาดได้ ซึ่งเป็นประเด็นปัญหาทางสังคมที่เราก็จะเห็นหรือได้ฟังจากข่าว หรือประสบการณ์คนรอบข้างอยู่บ่อยครั้ง การแพร่กระจายของข้อมูลข่าวสารที่คลาดเคลื่อนและผิดพลาดในสื่อต่าง ๆ อาจทำให้ผู้สูงอายุได้รับผลกระทบเชิงลบจากการใช้สื่อหลายประการ เช่น ถูกหลอกลวง เอารัดเอาเปรียบ หลงกลมิจฉาชีพที่แฝงเข้ามา หลงเชื่อโฆษณาที่อวดอ้างสรรพคุณเกินจริง ทำให้ต้องสูญเสียทรัพย์สินเงินทองที่เก็บออมไว้ใช้ในบั้นปลายของชีวิต และบางครั้งเพิ่มปัญหาทางสุขภาพให้ซับซ้อนหรือรุนแรงขึ้น ส่งผลต่อเนื่องเป็นความเครียด วิตกกังวล หรือเกิดภาวะต่าง ๆ 1 นอกจากนี้ ผู้สูงอายุยังอาจกลายเป็นกลุ่มเครือข่ายที่เป็นต้นตอของการเผยแพร่ข้อมูลผิด ๆ ไม่ว่าจะจากการแชร์ภาพ ส่งต่อข่าวสาร และข้อมูลโดยไม่ได้ตรวจสอบหรือกลั่นกรองความถูกต้องให้ดีเสียก่อน รวมไปถึงการนำข้อมูลส่วนตัวผู้อื่นไปใช้จนเกิดความเสียหาย2 ผลกระทบเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความเสี่ยงของการใช้สื่ออย่างไม่รู้เท่าทันสถานการณ์ ทั้งนี้การเสริมสร้างการรู้เท่าทันสื่อให้กับกลุ่มผู้สูงอายุจึงเป็นประเด็นทางสังคมที่ถือว่าสำคัญไม่น้อยไปกว่าประเด็นทางสังคมด้านอื่นๆ เลย ไม่ว่าจะการเมือง เศรษฐกิจ หรือการดูแลสุขภาพ จากที่กล่าวมาข้างต้นนี้ ส่งผลให้ องค์กร สถาบันและหน่วยงานต่าง ๆ ไม่สามารถนิ่งนอนใจได้ และพยายามที่จะหาทางเสริมภูมิคุ้มกันที่แข็งแกร่งราวกับเป็นการติดอาวุธให้กับผู้สูงอายุที่ต้องเผชิญกับสภาวะที่สื่อเข้าถึงตัวอยู่ตลอดเวลา โดยส่วนใหญ่จะมีการจัดทำหลักสูตรการรู้เท่าทันสื่อ รู้เท่าทันเทคโนโลยี การใช้สื่อหรือเทคโนโลยี รวมไปถึงการนำสื่อไปสร้างสรรค์ในด้านอื่น ๆ หรือแม้แต่การสร้างรายได้จากสื่อก็ด้วย ซึ่งจะขอยกตัวอย่างให้เห็นภาพว่ามีหลักสูตรใดบ้างที่ถูกสร้างมาเพื่อผู้สูงอายุในประเทศไทย หลักสูตร “วัยเพชรรู้ทันสื่อ” จัดทำโดยกลุ่มวิจัยการสื่อสารเพื่อพัฒนา ของสถาบันวิจัยภาษาและวัฒนธรรมเอเชีย มหาวิทยาลัยมหิดล

เมื่อวัยเก๋าต้องรู้เท่าทันสื่อดิจิทัล หลักสูตรเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันสำหรับผู้สูงอายุจึงเกิดขึ้น Read More »

Scroll to Top